โชว์...ห่วย ยินดีต้อนรับ นะจ๊ะนายจ๋า

สวัสดีจ้า นายจ๋า...อีนี่ชื่อปกรณ์ เรียกสั้นๆว่าอีนี่บิว ยินดีต้อนรับนายจ๋าทุกคน อินี่ทำเว็ปไซต์ โชว์...ห่วย ที่นี่มีอะไรที่ย้อนยุค คลาสสิค และหายาก เข้ามาดูก่อนน่ะจ๊ะนาย



วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

กลิ่นไอ ชิโน-โปรตุกีส

ภูเก็ตไม่ได้มีแค่หาดป่าตอง กะรน หรือแค่เพียงแหลมพรหมเทพ ใครที่เคยเฉียดผ่านเข้าไปในย่านตัวเมือง จะรู้สึกได้ถึงความแปลกตาของสถาปัตยกรรมของที่นี่ซึ่งไม่เหมือนใคร
ไม่ได้จบมาทางนี้ แต่ไปค้นข้อมูลได้ความว่า "แบบชิโน-โปรตุกีส (Sino Portuguese Style)" ที่เลื่องลือกันนั้นเป็นศิลปกรรมตึกเก่าซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากปีนัง และสิงคโปร์ สองชุมชนหลักในคาบสมุทรมาลายาที่ได้รับอิทธิพลจากทั้งจีนและฝรั่งอย่างเข้มข้นในสมัยก่อน


ห่างลงใต้ไปอีกสามสี่ร้อยกิโลเมตร ข้ามพรมแดนไป ผมเคยเห็นรูปแบบของอาคารเก่าแบบนี้ที่ปีนัง ในประเทศมาเลเซีย หรือถ้าไกลลงไปกว่านี้อีก ในย่านเมืองเก่าของสิงคโปร์ ที่ดังที่สุดของที่นั่นคงจะเป็นย่านผับ-ร้านอาหาร แถว Boat Quay ที่เป็นแถวอาคารเก่าสไตล์ฝรั่งปนจีน สวยกว่าตึกเก่าแถวถนนพระอาทิตย์บางลำพู และตั้งอยู่ริมน้ำพอดี ยามเย็นจะมีบรรยากาศพนักงานออฟฟิศจากย่านการเงิน ที่อยู่ใกล้เคียงกันมานั่งละเลียดเบียร์ดับอากาศร้อนเหงื่อแบบเส้นศูนย์สูตรของเมืองลอดช่อง

ผมเองสมัยเป็นเด็กต่างถิ่นที่ไปเติบโตมาในปัตตานี ก็เคยเห็นรูปแบบอาคารลักษณะนี้ หลายแห่งตามย่านตลาดเก่าในเมืองตานีเหมือนกัน เพียงแต่ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าเรียกว่าอะไร รู้แต่ว่าขลังดี แต่ว่าแถวตานี หรือสงขลาไม่ใหญ่เท่าหรือจับกลุ่มเป็นย่านเดียวกันเท่าที่ภูเก็ต

แดดกำลังจัด ผมเดินดุ่มกดชัตเตอร์ไปเรื่อยบนถนนถลาง สถานที่ซึ่งใช้จัดงานปิดถนนคนเดินแบบเดียวกับที่กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ วิวตึกที่อยู่ตรงหน้าสวยมาก ทั้งรูปทรง ลายปูนปั้น รายละเอียดเล็กๆ น้อย หรือแม้แต่ป้ายอาคาร แสงตกลงมาเสริมจุดเด่นของเรื่องราว
ตามหลักวิชาการแล้ว สถาปัตยกรรมแบบนี้เรียกว่า แบบคลาสสิค เรเนสซองส์ และนีโอคลาสสิค ของยุโรป กับศิลป แบบจีนผสมไทย ฟังดูแล้วอาจไม่ค่อยเข้าใจ แต่บอกง่าย ๆ ได้ว่า ฝรั่งปนจีน ข้างนอกตะวันตก ข้างในและรายละเอียดยิบย่อยเป็นแบบจีน คงพอมองเห็นภาพมากขึ้น

บ้านเมืองเก่าเหล่านี้ตั้งขึ้นมาตั้งแต่สมัยที่ภูเก็ตยังเป็นศูนย์กลางการค้าแร่ ยาง และของทะเล และยังเป็นเกาะบริสุทธิ์กลางอันดามัน ดูภาพเก่า ๆ แล้วชวนให้นึกถึงความหลังที่คงไม่มีวันหวนมาอีก
น่าเสียดายอย่างเดียวว่า ปัจจุบันสายไฟและสายโทรศัพท์ที่พาดยาวค่อนข้างเกะกะ และบังความงามของตึกเก่าไปมาก ได้ข่าวว่ามีหลายคนเริ่มมองเห็นประเด็นนี้แล้ว หวังว่าแผนที่จะย้ายสายไฟลงดินคงจะเป็นรูปเป็นร่างในไม่ช้า เหมือนในเมืองนอกหลายแห่งที่ใช้วิธีนี้ปรับปรุงทัศนียภาพแหล่งท่องเที่ยว

เรื่องแบบนี้อย่าพึ่งพาความช่วยเหลือจากส่วนกลางอย่างเดียวครับ ชุมชนต้องร่วมมือ จับกลุ่มสร้างพลังขึ้นมาในท้องถิ่นด้วยตัวเอง ความสำเร็จถึงอยู่คงทน ไม่ว่าจะเป็นที่ภูเก็ต ปีนัง หรือสิงคโปร์ เทียบชั้นฝีมืองานกับห้องแถวปากซอยแถวชานเมืองกรุงเทพฯ กันแล้ว จะเห็นความน่าเกลียดน่าชังของงานก่อสร้างห้องแถวในยุค 20-30 ปีหลังมานี้ ที่เป็นแค่ กล่องอิฐฉาบปูนคอนกรีตโผล่ขึ้นมาทื่อทมึนบดบังทัศนียภาพรอบข้าง โดยปราศจากความงามในตัวมันเองแม้แต่น้อยนิด
“รสนิยมมิใช่สิ่งที่จะซื้อหาด้วยเงินตราได้เสมอไป…” ใครซักคนเคยเอ่ยประโยคนี้ให้ฟัง หรือไม่ผมก็เคยอ่านมาจากไหนซักแห่ง อย่าให้ฝรั่งลงเครื่องบินแล้วดิ่งตรงไปที่หาดอย่างเดียวเลยครับ ในเมื่อเมืองเก่าภูเก็ตมีของดีในตัวอยู่แล้ว น่าจะหยิบมาปัดฝุ่นให้ดูกันต่อไป เพราะของเก่ามีเสน่ห์แบบนี้ใช่ว่าหากันได้ง่ายๆ มีเมืองท่องเที่ยวชายทะเลไม่กี่แห่งหรอกครับที่จะมีบรรยากาศดีๆ ให้ดูให้ชื่นชมแบบนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น